"กิ๊ฟ-วิว" จูงมือ "บาส-ปอป้อ" ทะลุชิงศึก โยเน็กซ์ ไทยแลนด์ โอเพ่น

 

16 มกราคม 2564 – การแข่งขันแบดมินตัน เอชเอสบีซี บีดับเบิลยูเอฟ เวิลด์ทัวร์ เอเชียน เลก เปิดฉากรายการแรกในศึก "โยเน็กซ์ ไทยแลนด์ โอเพ่น" ทัวร์นาเมนต์เวิลด์ทัวร์ ซูเปอร์ 1000 ชิงเงินรางวัลรวม 1,000,000 เหรียญสหรัฐ หรือ ประมาณ 30,100,000 บาท ที่อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี ในรูปแบบนิวอร์มอลภายใต้มาตรการคุ้มเข้มเพื่อความปลอดภัยขั้นสูงสุด โดยไม่อนุญาตให้แฟนแบดมินตัน และผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปในสนามโดยเด็ดขาด โดยเมื่อวันเสาร์ที่ 16 ม.ค. เป็นการลงสนามแข่งขันวันที่ห้าในรอบรองชนะเลิศ

ประเภทหญิงคู่รอบรองชนะเลิศ "กิ๊ฟ" จงกลพรรณ กิติธารากุล กับ "วิว" รวินดา ประจงใจ คู่มือวาง 7 ของรายการ คู่มืออันดับ 11 ของโลก ลงสนามพบกับ คิม โซยอง กับ กอง ฮียอง คู่มือวาง 4 ของรายการ คู่มืออันดับ 6 ของโลกจากเกาหลีใต้ สำหรับสถิติในการพบกันของทั้งคู่ก่อนหน้านี้เคยพบกันมาทั้งหมด 4 ครั้ง เป็นทางคู่ของ คิม โซยอง กับ กอง ฮียอง ที่ทำได้เหนือกว่าเก็บชัยชนะไปได้ 3 ครั้ง

              ในแมทช์นี้เกมการแข่งขันในเกมแรกคู่ยังคงผลัดกันทำคะแนนได้อย่างสนุกคู่คี่สูสีก่อนที่ จงกลพรรณ กับ รวินดา จะมาเร่งเกมบุกได้อย่างยอดเยี่ยมทำคะแนนเฉือนเอาชนะไปได้หวุดหวิด 2-1 เกม 21-17, 17-21 ,22-20 ใช้เวลาแข่งขันนานถึง 1 ชั่วโมง 15 นาที จงกลพรรณ กับ รวินดา ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศไปพบกับ เกรเซีย โพลี่ กับ อาพริลยานี่ ราฮายู คู่มือวาง 5 ของรายการ คู่มืออันดับ 8 ของโลกจากอินโดนีเซีย ที่เอาชนะ ชนะ ลี โซฮี กับ ชิน ซองชาน คู่มือวาง 3 ของรายการ คู่มืออันดับ 4 ของโลกจากเกาหลีใต้ มาได้ 2-1 เกม 15-21, 21-15, 21-16

 

              สำหรับสถิติในการพบกันระหว่าง จงกลพรรณ กับ รวินดา กับทาง เกรเซีย โพลี่ กับ อาพริลยานี่ ราฮายู ก่อนหน้านี้เคยพบกันมาทั้งหมด `5 ครั้ง เป็นทางคู่ของ เกรเซีย โพลี่ กับ อาพริลยานี่ ราฮายู ที่ทำได้เหนือกว่าเก็บชัยชนะไปได้ 4 ครั้ง ล่าสุดในศึก ไชนีสไทเป โอเพ่น 2019 จงกลพรรณ กับ รวินดา เป็นฝ่ายเฉือนชนะมาได้ 2-1 เกม

ขณะที่ประเภทคู่ผสมรอบรองชนะเลิศ "บาส" เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กับ "ปอป้อ" ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย คู่มือวางอันดับ 1 ของรายการ และคู่มื 3 ของโลก ลงสนามพบกับ แช ยูจุง กับ โซว ซองแจ คู่มือวางอันดับ 4 ของรายการ และคู่มือ 6 ของโลกจากเกาหลีใต้ สำหรับสถิติในการพบกันของทั้งคู่ก่อนหน้านี้เคยพบกันมาทั้งหมด 7 ครั้ง เป็นทางคู่ของ เดชาพล กับ ทรัพย์สิรี ที่ทำได้เหนือกว่าเพียงเล็กน้อยเก็บชัยชนะไปได้ 4 ครั้ง

              ในแมทช์นี้เกมการแข่งขันทั้งคู่ยังคงผลัดกันทำคะแนนได้อย่างสนุกคู่คี่สูสีก่อนที่ เดชาพล กับ ทรัพย์สิรี จะมาช่วยกันฮึดพลิกสถานการณ์หลังจากที่พลาดท่าพ่ายไปก่อนในเกมแรกมาเร่งเครื่องทำคะแนนแซงชนะไปได้หวุดหวิด 2-1 เกม 17-21, 21-17, 22-20 ใช้เวลาแข่งขันนานถึง ใช้เวลาแข่งขันนานถึง 1 ชั่วโมง 15 นาที เดชาพล กับ ทรัพย์สิรี ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศไปพบกับ ปราวีน จอร์แดน กับ เมลาติ เดว่า อ๊อตตาเวียนติ คู่มือวางอันดับ 2 ของรายการ คู่มืออันดับ 4 ของโลกจากอินโดนีเซีย ที่เอาชนะ ทอม กีร์เกล กับ เดลฟีน เดอรูร์ คู่มืออันดับ 15 ของโลกจากฝรั่งเศส มาได้ 2-0 เกม 21-16,23-21ใช้เวลาแข่งขัน 46 นาที

              สำหรับสถิติในการพบกันระหว่าง เดชาพล กับ ทรัพย์สิรี กับทาง ปราวีน จอร์แดน กับ เมลาติ เดว่า อ๊อตตาเวียนติ ก่อนหน้านี้เคยพบกันมาทั้งหมด 6 ครั้ง เป็นทางคู่ของ ปราวีน จอร์แดน กับ เมลาติ เดว่า อ๊อตตาเวียนติ ที่ทำได้เหนือกว่าเก็บชัยชนะไปได้ 4 ครั้ง ล่าสุดในรอบชิงชนะเลิศศึก ออลอิงแลนด์ 2020 ปราวีน จอร์แดน กับ เมลาติ เดว่า อ๊อตตาเวียนติ เป็นฝ่ายเฉือนชนะมาได้ 2-1 เกม

              คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล กรรมการคณะกรรมการโอลิมปิกสากล รองประธานสหพันธ์แบดมินตันโลก และนายกสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทยฯ กล่าวว่า “ผลงานของนักกีฬาแบดมินตันไทยในวันนี้เป็นที่น่ายินดีมาก ทำให้แฟนๆแบดมินตันชาวไทยไม่ผิดหวัง นักกีฬาทั้งสองประเภททำผลงานได้ดี โดยเริ่มต้นจาก บาสปอป้อ เป็นเกมที่ตื่นเต้นมากๆ แฟนๆต้องแทบจะหยุดหายใจ  เกมสามเราเป็นฝ่ายตามตลอด แต่เราก็กลับมาเอาชนะได้ แสดงให้ เห็นถึงมาตรฐานการเล่น จิตใจที่แข็งแแกร่ง ในยามที่กดดันก็ยังกลับมาได้ ทำให้ชนะไปในเกมที่สาม เป็นการย้ำแค้นในการแข่งขัน ออล อิงแลนด์ ก็ดิวเกมสาม”

              “กิ๊ฟวิว ทำผลงานได้ยอดเยี่ยม ล้างตาได้สำเร็จ หลังจากครั้งล่าสุดเขาชนะเรา แต่ครั้งนี้เล่นได้ตามแผน ชิงเป็นฝ่ายเอาลูกลงก่อน สร้างความกดดันให้เกาหลีใต้ ถึงแม้เกมสามเราจะนำไปห่างแต่เขาตามมาทัน กิ๊ฟวิวก็ยังนิ่งพอที่จะมาชนะดิวได้ แม้เกมสาม สร้างความชื่นใจให้กีบแฟนๆทั่วประเทศที่รับชมการถ่ายทอดสด ส่งแรงใจให้นักกีฬาทั้งคู่ในรอบชิงวันพรุ่งนี้” คุณหญิงปัทมา กล่าวทิ้งท้าย

              สำหรับผลการแข่งขันคู่อื่นๆที่น่าสนใจในรอบรองชนะเลิศมีดังนี้ ประเภทหญิงเดี่ยว คาโรลิน่า มาริน มือวางอันดับ 5 ของรายการ มืออันดับ 6 ของโลกจากสเปน ชนะ อัน เซยอง มือวางอันดับ 7 ของรายการ มืออันดับ 9 ของโลกจากเกาหลีใต้ 21-18, 21-16

              ประเภทหญิงคู่ เกรเซีย โพลี่ กับ อาพริลยานี่ ราฮายู คู่มือวาง 5 ของรายการ คู่มืออันดับ 8 ของโลกจากอินโดนีเซีย ชนะ ชนะ ลี โซฮี กับ ชิน ซองชาน คู่มือวาง 3 ของรายการ คู่มืออันดับ 4 ของโลกจากเกาหลีใต้ 15-21, 21-15, 21-16

           

   ประเภทชายคู่ โก๊ะ วีแชม กับ ตัน วีเคียง คู่มืออันดับ 14 ของโลกจากมาเลเซีย ชนะ ลีโอ โรลลี่ คานานโด กับ ดาเนียล มาร์ติน คู่มืออันดับ 70 ของโลกจากอินโดนีเซีย 21-19,21-10, หลี่ หยาง กับ หวัง ฉีหลิน คู่มือวาง 6 ของรายการ คู่มืออันดับ 7 ของโลกจากไต้หวัน ชนะ ชอย โซคู กับ โซว ซองแจ คู่มือวางอันดับ 7 ของรายการ คู่มืออันดับ 8 ของโลกจากเกาหลีใต้ 15-21,21-14,21-14   

              แฟนกีฬาแบดมินตันสามารถชมการถ่ายทอดสดการประชันฝีมือของนักแบดมินตันระดับโลกได้หลากหลายช่องทาง ทั้ง ทรูวิชั่นส์, ทรูโฟร์ยู, ทรู ยูทูป, ทรู เฟซบุ๊ก และทรูไอดี โดยทรูวิชั่นส์ ถ่ายทอดสดทุกคู่การแข่งขัน ตั้งแต่เวลา 9.00 น. ผ่านทาง Truesports HD3 ช่อง 668, Truesports 7 ช่อง 686 และ Truesports HD2 ช่อง 667 และรับชมผ่านทางทรูโฟร์ยู เฉพาะคู่ที่นักกีฬาไทยลงทำการแข่งขันทุกวัน สำหรับรายการ โยเน็กซ์ ไทยแลนด์ โอเพ่น จะถ่ายทอดสดรอบชิงชนะเลิศวันอาทิตย์ที่ 17 ม.ค. ระหว่างเวลา 14.30-17.00 น.