"บาส-ปอป้อ" ฮึดตบเฉือนชับลิ่วตัดขนไก่ โตโยต้า ไทยแลนด์ โอเพ่น “เมย์” ทะลุ ดวลมือหนึ่งโลกรอบรองชนะเลิศ

 

22 มกราคม 2564 – การแข่งขันแบดมินตันรายการ "โตโยต้า ไทยแลนด์ โอเพ่น" ทัวร์นาเมนต์เวิลด์ทัวร์ ซูเปอร์ 1000 ชิงเงินรางวัลรวม 1 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ ประมาณ 30,100,000 บาท ที่อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี ในรูปแบบนิวนอร์มอลภายใต้มาตรการคุ้มเข้มเพื่อความปลอดภัยขั้นสูงสุด โดยไม่อนุญาตให้แฟนแบดมินตันและผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าภายในสนามโดยเด็ดขาด โดยเมื่อวันศุกร์ที่ 22 ม.ค. เป็นการลงสนามแข่งขันวันที่สี่ในรอบก่อนรองชนะเลิศ

ประเภทหญิงเดี่ยวรอบก่อนรองชนะเลิศ  "เมย์" รัชนก อินทนนท์ มือ 5 ของโลก ระเบิดฟอร์มเก่ง ใช้เวลา 38 นาที ไล่ต้อนทำคะแนนเอาชนะ พูสซาลา วี สินธุ มือวางอันดับ 6 ของรายการ มืออันดับ 7 ของโลก แชมป์โลกปี 2019 จากอินเดีย ไปได้ขาดลอย 2-0 เกม 21-13 และ 21-19 เมย์ รัชนก ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศไปพบกับ ไถ้ ซื่อหยิง มือ 1 โลกและมือวางอันดับ 1 ของรายการ จากไต้หวัน ที่เอาชนะ มิเชล ลี  มือวางอันดับ 8 ของรายการ มืออันดับ 10 ของโลกจากแคนาดา 2-1 เกม 18-21, 21-13, 21-11  สำหรับสถิติการพบกันทั้งหมดของทั้งคู่ทั้งหมด 27 ครั้ง เป็น เมย์ รัชนก ทำได้ดีกว่าเอาชนะไปได้ 14 ครั้ง ครั้งล่าสุดที่พบกันในศึกเวิลด์ทัวร์ ไฟนอลรอบแบ่งกลุ่มเป็ย ไถ้ ซื่อหยิง เอาชนะไปได้ 2-1 เกม

เมย์-รัชนก เผยหลังเกมว่า “วันนี้เล่นได้ดีกว่าเมื่อวาน มีความผ่อนคลายมากขึ้น เล่นได้ดั่งใจคิด โมเมนตัมจึงมาอยู่ข้างเมย์ และคู่แข่งดูเหมือนสภาพร่างกายไม่เต็มร้อย เล่นไม่ได้ตามฟอร์มที่เคยเห็น อาจเพราะเขาไม่ได้ซ้อมตามรูปแบบที่ต้องการเนื่องจากสถานการณ์โควิด สำหรับการลงเล่นภายใต้รูปแบบนิวนอร์มอลก็ทำให้โฟกัสกับเกมในสนามได้ดี รู้อยู่แล้วว่าแม้ไม่มีแฟนกีฬามาเชียร์ แต่ทุกคนก็ส่งใจมา ส่วนการแข่งขันรอบรองชนะเลิศจะพบกับ ไท่ ซือหยิง มืออันดับ 1 ของโลกและของรายการ เป็นผู้เล่นที่มีจังหวะการตีและสภาพร่างกายที่ดีกว่า เมย์ต้องพยายามคุมตัวเองให้ดีที่สุด”

              ส่วน หมิว" พรปวีณ์ ช่อชูวงศ์ มืออันดับ 13 ของโลก พ่ายให้กับ อัน เซยอง มือวางอันดับ 7 ของรายการ มืออันดับ 9 ของโลกจากเกาหลีใต้  ไป 0-2 เกม 15-21,18-21 ใช้เวลาแข่งขัน 44 นาที

              ขณะที่ ประเภทคู่ผสมรอบก่อนรองชนะเลิศ "บาส" เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กับ "ปอป้อ" ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย คู่มือวางอันดับ 1 ของรายการ คู่มืออันดับ 3 ของโลก  ต้องออกแรงอย่างหนักก่อนที่จะมาพลิกสถานการณ์หลังจากที่พลาดท่าพ่ายไปก่อนในเกมแรกมาเร่งเครื่องทำคะแนนแซงชนะคู่จอมเก๋า โค ซังฮุน กับ อึม แฮวอน คู่มืออันดับ 26 ของโลกจากเกาหลีใต้ ไปได้แบบหวุดหวิด 2-1 เกม 27-29, 21-15, 21-9 ใช้เวลาแข่งขันนานถึง 70 นาที  เดชาพล กับ ทรัพย์สิรี  ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศไปพบกับ ซาวีไซราท รานกิเรดดี้ กับ อาชวีนี่ พอนนัพพา คู่มืออันดับ 36 ของโลกจากอินเดีย ที่เฉือนชนะ ชาง เป็งสุน กับ โก๊ะ หลิวยิง คู่มือวางอันดับ 5 ของรายการ คู่มืออันดับ 7 ของโลกจากมาเลเซีย มาได้ 2-1 เกม 18-21, 24-22, 22-20

บาส-เดชาพล และ ปอป้อ-ทรัพย์สิรี เผยว่า “ก่อนลงสนามเราไม่ได้กดดันอะไร คิดไปทีละแต้ม ทีละเกม เกมแรกเราตีเข้ามือคู่แข่งเยอะ ทำให้พวกเขาสามารถเปลี่ยนซ้าย เปลี่ยนขวาได้ ในเกมที่สองเราพยายามควบคุมเกมไม่ขึ้นลูกให้คู่แข่งได้บุก เพราะเมื่อคู่แข่งได้บุกสปีดลูกเร็วและแรง ส่วนในเกมที่สาม เราก็ยึดตามแผนเดิมที่ชนะมาได้ในเกมที่สอง อดทนกับแผนที่เราเตรียมมา ไม่ใช่ว่าพอเหนื่อยแล้วตีแบบไหนก็ได้ รอบรองชนะเลิศเราจะเจอกับอินเดีย ซึ่งก่อนหน้านี้เคยเจอกันมา 2-3 ครั้ง เราเป็นฝ่ายคว้าชัยได้ทั้งหมด พรุ่งนี้จะทำเต็มที่ ไม่ได้คาดหวังว่าผลการแข่งขันจะออกมาเป็นอย่างไร”

              สำหรับสถิติในการพบกันระหว่างคู่ของ เดชาพล และ ทรัพย์สิรี กับทางด้าน ซาวีไซราท รานกิเรดดี้ และ อาชวีนี่ พอนนัพพา ก่อนหน้านี้เคยพบกันมาทั้งหมด 2 ครั้ง เป็นทาง เดชาพล กับ ทรัพย์สิรี ที่ทำผลงานได้เหนือกว่าเก็บชัยชนะไปได้ทั้งหมด ล่าสุดในศึก เจแปน โอเพ่น 2019  เดชาพล กับ ทรัพย์สิรี เอาชนะมาได้ 2-0 เกม

              ทางด้าน "เอ็ม" สุภัค จอมเกาะ กับ "เฟม" ศุภิสรา เพียวสามพราน คู่ผสมมืออันดับ 44 ของโลก พลาดท่าในช่วงปลายเกมไปแบบน่าเสียดายก่อนที่จะพ่ายให้กับ แช ยูจุง กับ โซว ซองแจ คู่มือวางอันดับ 4 ของรายการ คู่มืออันดับ 6 ของโลกจากเกาหลีใต้ ไปแบบสนุก 0-2 เกม 22-24,18-21ใช้เวลาแข่งขัน 44 นาที

              ประเภทหญิงคู่รอบก่อนรองชนะเลิศ "กิ๊ฟ" จงกลพรรณ กิติธารากุล กับ "วิว" รวินดา ประจงใจ คู่มืออันดับ 11 ของโลก พ่ายให้กับ คิม โซยอง กับ กอง ฮียอง คู่มือวาง 4 ของรายการ คู่มืออันดับ 6 ของโลกจากเกาหลีใต้  ไป 0-2 เกม 17-21, 13-21 ใช้เวลาแข่งขัน 50 นาที

คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล กรรมการคณะกรรมการโอลิมปิกสากล รองประธานสหพันธ์แบดมินตันโลก และนายกสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทยฯ กล่าวว่า “วันนี้เป็นอีกวันที่นักแบดมินตันไทยโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะ เมย์-รัชนก อินทนนท์ และ บาส-เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กับ ปอป้อ-ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย ก็เป็นอีกครั้งที่เราเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ ได้ทั้ง 2 ประเภท”

“สำหรับเปิดสนามคู่แรกวันนี้ เอ็ม-สุภัค จอมเกาะ กับ เฟม-ศุภิสรา เพียวสามพราน เล่นได้อย่างยอดเยี่ยมแต่ก็แพ้ใหักับ แช ยูจุง กับ โซว ซองแจ คู่มือเก๋าจากเกาหลีใต้ ไปอย่างหวุดหวิด 0-2 เกม ซึ่งเป็นที่เสียดายของแฟน ๆ กีฬาทั่วประเทศ ส่วน บาส-เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กับ ปอป้อ-ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย เอาชนะ โค ซังฮุน กับ อึม แฮวอน จากเกาหลีใต้ 2-1 เกม คู่ผสมไทย อาจจะดูอ่อนล้าไปบ้าง กับการที่เล่นหนักในทุก ๆ วัน แต่ก็สามารถเอาตัวรอดมาได้ ส่วน กิ๊ฟ-จงกลพรรณ กิติธารากุล กับ วิว-รวินดา ประจงใจ แพ้ให้กับ คิม โซยอง กับ กอง ฮียอง จากเกาหลีใต้ 0-2 เกม แพ้ให้กับคู่ปรับเก่าซึ่งทั้ง 2 ฝั่งเล่นได้ใกล้เคียงกัน อยู่ที่จังหวะของวันว่าใครจะทำได้ดีกว่ากัน” 

“สำหรับหมิว-พรปวีณ์ ช่อชูวงศ์  แพ้ให้กับ อัน เซยอง จากเกาหลีใต้ไป 0-2 เกม หมิว ถือว่าสู้อย่างเต็มที่แล้ว  ส่วน เมย์-รัชนก อินทนนท์ คืนฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมมากๆ  หาจังหวะรับและโต้ได้ยอดเยี่ยมมาก โชว์ความสวยงามของการเล่นในตลอดเกม เอาชนะ พูสซาลา วี สินธุ ไปได้ไม่ยากเย็น 2-0 โดยในรอบรองชนะเลิศ เมย์ ไปพบ ไถ้ ซื่อหยิง มือวางมืออันดับ 1 ของรายการ มืออันดับ 1 ของโลกจากไต้หวัน ถือว่าเป็นคู่ที่จะสู้กันได้อย่างสนุกแน่นอน” คุณหญิงปัทมา กล่าว

              สำหรับผลการแข่งขันคู่อื่นๆที่น่าสนใจมีดังนี้

              ประเภทชายเดี่ยว อันเดรส แอนทอนเซ่น มือวาง 3 ของรายการ มืออันดับ 3 ของโลกจากเดนมาร์ก ชนะ ซาเมียร์ เวอร์ม่า มืออันดับ 31 ของโลกจากอินเดีย 21-13, 19-21, 22-20

              ประเภทหญิงเดี่ยว ไถ้ ซื่อหยิง มือวาง 1 ของรายการ มืออันดับ 1 ของโลกจากไต้หวัน ชนะ มิเชล ลี  มือวางอันดับ 8 ของรายการ มืออันดับ 10 ของโลกจากแคนาดา 18-21, 21-13, 21-11, คาโรลิน่า มาริน มือวางอันดับ 5 ของรายการ มืออันดับ 6 ของโลกจากสเปน ชนะ เนชิฮาล ยีกีสท์ มืออันดับ 32 ของโลกจากตุรกี 21-6, 21-15

              ประเภทชายคู่ หลี่ หยาง กับ หวัง ฉีหลิน คู่มือวาง 6 ของรายการ  คู่มืออันดับ 7 ของโลกจากไต้หวัน ชนะ มาร์ค แลมฟุ๊ท กับ มาร์วิน ซีเดลท์ คู่มืออันดับ 23 ของโลกจากเยอรมัน 21-14, 21-12

ประเภทหญิงคู่  ลี โซฮี กับ ชิน เซืองชาน คู่มือวางอันดับ 3 ของรายการ คู่มืออันดับ 4 ของโลกจากเกาหลีใต้ ชนะ วิเวียน โฮ กับ แยป เฉินเหวิน คู่มืออันดับ 25 ของโลกจากมาเลเซีย21-13, 21-16, เกรเซีย โพลี่ กับ อาพริลยานี่  ราฮายู คู่มือวางอันดับ 5 ของรายการ คู่มืออันดับ 8 ของโลกจากอินโดนีเซีย ชนะ  อเล็กซานเดอร์ โบร์เจ้ กับ เม็ตเต้ โพลเซน คู่มืออันดับ 36 ของโลกจากเดนมาร์ก 21-9, 21-17, โชว เหม่ยกวน กับ หลี่ เหม็งหยวน คู่มืออันดับ 14 ของโลกจากมาเลเซีย ชนะ เพียรี่ ตัน กับ ทีน่า มูรารีทาราล คู่มืออันดับ 39 ของโลกจากมาเลเซีย 22-20, 21-12

ประเภทคู่ผสม ซาวีไซราท รานกิเรดดี้ กับ อาชวีนี่ พอนนัพพา คู่มืออันดับ 36 ของโลกจากอินเดีย ชนะ ชาง เป็งสุน กับ โก๊ะ หลิวยิง คู่มือวางอันดับ 5 ของรายการ คู่มืออันดับ 7 ของโลกจากมาเลเซีย 18-21, 24-22, 22-20, หู ปังรอง กับ เซี๊ยะ ยี่ซี คู่มืออันดับ 35 ของโลกจากมาเลเซีย  ชนะ ฮาฟิต ไฟซาล กับ กลอเลีย วิจาจ้า คู่มือวางอันดับ 6 ของรายการ คู่มืออันดับ 8 ของโลกจากอินโดนีเซีย 12-21, 21-19, 21-19

              สำหรับศึก "โตโยต้า ไทยแลนด์ โอเพ่น" จะมีการถ่ายทอดสดผ่าน 3,000 ล้านครัวเรือนทั่วโลก ส่วนในประเทศไทยสามารถชมการถ่ายทอดสดได้หลากหลายช่องทางทั้ง ทรูวิชั่นส์, ทรูโฟร์ยู, ทรู ยูทูป, ทรู เฟซบุ๊ก และทรูไอดี โดยทรูวิชั่นส์ถ่ายทอดสดทุกคู่การแข่งขัน ตั้งแต่เวลา 9.00 น. และรับชมผ่านทางทรูโฟร์ยู เฉพาะคู่ที่นักกีฬาไทยลงทำการแข่งขันทุกวัน วันเสาร์ (23 ม.ค.) ถ่ายทอดสดระหว่างเวลา 16.30 - 20.00 น. และวันอาทิตย์ (24 ม.ค.) ระหว่างเวลา 14:30 - 17:00 น.