แบดทีมชาย พ่ายให้ ทีมเกาหลีใต้ 1-3 คู่ รอบน๊อคเอาท์ 8 ทีมสุดท้าย ในแบดเอเชียทีม

แบดทีมชาย พ่ายให้ ทีมเกาหลีใต้ 1-3 คู่ รอบน๊อคเอาท์ 8 ทีมสุดท้าย ในแบดเอเชียทีม

 

การแข่งขันแบดมินตันประเภททีมชาย และทีมหญิงชิงแชมป์เอเชีย "อี-พลัส แบดมินตัน เอเชีย ทีม แชมเปี้ยนชิพส์ 2018" ที่เมืองอาลอร์ เซตาร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 9 ก.พ. รอบก่อนรองชนะเลิศ (8 ทีมสุดท้าย)

 

ทีมชายไทย ลงสนามพบ ทีมชาติเกาหลีใต้ ผลปรากฎว่า ทีมชาติไทย พ่ายให้กับทีมเกาหลีใต้ 1-3 คู่

 

ชายเดี่ยวมือ 1 "เพชร" โฆษิต เพชรประดับ มืออันดับ 29 ของโลก แพ้ ซอน วอนโฮ มืออันดับ 4 ของโลกจากเกาหลีใต้ 0-2 เกม 15-21, 12-21 ใช้เวลาแข่งขัน 43 นาที

 

ชายคู่มือ 1  "บาส" เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กับ "สกาย" กิตตินุพงษ์ เกตุเรน คู่มืออันดับ 24 ของโลก ชนะ คิม วอนโฮ กับ ซอน แจโซ คู่มืออันดับ 36 ของโลกจากเกาหลีใต้ 2-1 เกม 21-16 ,15-21 ,21-16 ใช้เวลาแข่งขัน 49 นาที

 

ชายเดี่ยวมือ 2 "ไบร์ท" สัพพัญญู อวิหิงสานนท์ มืออันดับ 33 ของโลก แพ้ จอง จินย๊อค มืออันดับ 18 ของโลกจากเกาหลีใต้ 0-2 เกม 15-21 ,14-21 ใช้เวลาแข่งขัน 45 นาที

 

ชายคู่มือ 2 "ติณ " ติณณ์  อิสริยะเนตร กับ "ดีโก้" กิตติศักดิ์ นามเดช คู่มืออันดับ 37 ของโลก แพ้ ชอย โซคู กับ คิม ดุ๊กยอน คู่มืออันดับ 169 ของโลกจากเกาหลีใต้ 1-2 เกม 21-12 ,13-21 ,21-23ใช้เวลาแข่งขัน 59 นาที

 






          หลังการแข่งขัน คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล นายกสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทยฯ กล่าวว่า “การจัดทีมชิงแชมป์เอเชียในครั้งนี้ ทางสมาคมฯ ได้มีการวางแผนส่งนักกีฬาซึ่งเป็นส่วนผสมระหว่างชุดใหญ่และชุดเล็ก เพื่อเป็นการเตรียมทีมและสร้างเสริมสภาพจิตใจ ให้กับนักกีฬาที่จะต้องลงแข่งขันประเภททีม ซึ่งจะต้องเจอแรงกดดันมากกว่าการแข่งขันประเภทบุคคล ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเตรียมทีมชายและทีมหญิงให้พร้อมและสมบูรณ์เต็มที่ในศึกแบดมินตันทีมชิงแชมป์โลกโธมัสคัพ และ อูเบอร์คัพ ที่จะจัดขึ้นในประเทศไทย ในเดือนพฤษภาคมนี้”

          สำหรับผลงานของนักกีฬาทั้งทีมชาย และทีมหญิงถือว่าทำได้ตามเป้าหมายที่สมาคมฯ ตั้งไว้คือเข้ารอบ 8 ทีม การแข่งขันครั้งนี้ นักกีฬาของเราทุกคนได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ในการเจอคู่ต่อสู้ชุดใหญ่เกือบทั้งหมด ถือว่าประสบความสำเร็จ เป็นที่น่าพอใจกับผลงานของนักกีฬาคลื่นลูกใหม่ที่มีพัฒนาการที่ดี และโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม ภายใต้ความกดดันที่ต้องแข่งขันกับทีมเจ้าภาพทั้งทีมชายและทีมหญิง ซึ่งทีมหญิงแม้จะไม่ได้เข้ารอบรอง เหมือนเมื่อ 2 ปีก่อน อันเป็นผลเนื่องมาจากการจับสลากมาเจอกับจีนที่ถือว่าแข็งแกร่ง ตั้งแต่รอบ 8 ทีม แต่เราสู้ได้อย่างสูสี ต้องลุ้นกันสามเกมเกือบทุกคู่ ส่วนตัวรู้สึกพอใจกับฟอร์มของนักกีฬาทุกคนโดยเฉพาะ “หมิว” พรปวีณ์ ช่อชูวงศ์ หญิงเดี่ยวของไทย ที่เป็นความหวังที่จะทำคะแนนใน อูเบอร์คัพ ก็โชว์ผลงานได้อย่างน่าประทับใจ สามารถเอาชนะ เหอ บิงเจียว มืออันดับ 9 ของโลกจากจีน รวมถึงเอาชนะ โก๊ะ จินเหว่ย มืออันดับ 30 ของโลกจากมาเลเซีย รวมถึง “ปอป้อ” ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย ที่คืนสู่สนามหลังจากหายจากการบาดเจ็บ ทำให้ในศึกทีมหญิงชิงแชมป์โลก หรือ "อูเบอร์ คัพ" เราน่าจะมีตัวเลือกและทำให้ทีมมีอาวุธที่หลากหลายเพิ่มขึ้น”

          “ด้านทีมชายไทย ครั้งนี้ทำผลงานได้ยอดเยี่ยม ทะลุเป้า เมื่อเปรียบเทียบกับผลงานครั้งก่อน โดยแมตช์สำคัญในรอบแรกคือ การพลิกชนะ มาเลเซีย ในนัดแรกที่มี ลี ชอง เหว่ย นำทีมมา โดยน่าสนใจว่าประเภทคู่ของไทยทั้ง “สกาย” กิตตินุพงษ์ เกตุเรน-“บาส” เดชาพล พัววรานุเคราะห์ ที่ชนะคู่เหรียญเงินโอลิมปิกเกมส์ 2016 โกห์ วี เชม-ตัน วี เคียง รวมถึงคู่ดาวรุ่ง “ติณ” ติณณ์ อิสริยะเนตร-“ดีโก้” กิตติศักดิ์ นามเดช ที่โชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยม ส่งผลให้ชายเดี่ยว “กันต์” กันตภณ หวังเจริญ สามารถโชว์ฟอร์มเอาชนะคู่แข่งขันและปิดเกมได้สำเร็จ ซึ่งพิสูจน์ ได้ว่า บรรดานักกีฬาคลื่นลูกใหม่ของไทย แม้ต้องลงไปแบกความหวังของทั้งทีม ยังทำผลงานได้ดี มีสภาพจิตใจที่มั่นคง และมีฝีมือที่จะพัฒนาต่อเนื่อง เป็นความหวังของทีมไทยต่อไปในอนาคตได้อย่างดี และยังบ่งชี้ให้เห็นว่า เรามีพัฒนาการด้านประเภทคู่ ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญในการแข่งขันประเภททีมที่ดีขึ้นมาก รวมถึงการกลับมาร่วมทีมของ เอ มณีพงศ์ จงจิตร ที่คืนสู่สนามหลังจากหายจากการบาดเจ็บอีกด้วย” คุณหญิงปัทมา กล่าว

          “สมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทยฯ จะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันรายการประเภททีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกคือ ทีมหญิงชิงแชมป์โลก "อูเบอร์ คัพ" และทีมชายชิงแชมป์โลก "โธมัส คัพ" ระหว่างวันที่ 20-27 พ.ค. ที่อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์วงการกีฬาแบดมินตันไทย ที่ได้จัดแข่งขันรายการนี้ โดยเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ที่ประเทศจีน ทีมชาย แชมป์ตกเป็นของ เดนมาร์ก ที่คว้าแชมป์สมัยแรก ขณะที่ทีมหญิง จีนคว้าแชมป์ไปครองเป็นสมัยที่ 14”... คุณหญิงปัทมา กล่าวทิ้งท้าย